Browse By

Tag Archives: พรีเมียร์ลีก

Alisson Becker – ผู้รักษาประตูที่เปลี่ยนความกลัวเป็นความมั่นใจ

Alisson Becker – ผู้รักษาประตูที่เปลี่ยนความกลัว ให้กลายเป็นความมั่นใจของลิเวอร์พูล คือคำอธิบายที่ตรงที่สุดสำหรับนายด่านชาวบราซิลคนนี้ ก่อนการมาของอลิสซอน ลิเวอร์พูลคือทีมที่เกมรุกดุดัน แต่ทุกครั้งที่บอลหลุดแนวรับ แฟนบอลต้องกลั้นหายใจเสมอ ทว่าวันที่เขาก้าวเข้ามา ความรู้สึกนั้นหายไปทันที และถูกแทนที่ด้วยคำว่า “นิ่ง” 🧤⚽ จากบราซิลสู่ยุโรป: ผู้รักษาประตูที่ไม่ได้พึ่งแค่ปฏิกิริยา อลิสซอนไม่ใช่ผู้รักษาประตูที่เติบโตมาด้วยภาพจำของการพุ่งเซฟแบบหวือหวาเพียงอย่างเดียว เขาถูกฝึกมาให้ “อ่านเกม” ตั้งแต่ต้นทาง รู้ว่าเมื่อไหร่ควรออกมา เมื่อไหร่ควรยืน และเมื่อไหร่ควรปล่อยให้กองหลังจัดการ สิ่งนี้ทำให้เขาแตกต่างเพราะเขาไม่ใช่แค่คนป้องกันประตูแต่เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างทีม โรม่า: จุดพิสูจน์ว่าเขาพร้อมสำหรับเวทีใหญ่ กับโรม่า อลิสซอนเริ่มเป็นที่จับตามองในระดับยุโรปไม่ใช่เพราะเซฟเยอะที่สุดแต่เพราะเขาทำให้แนวรับเล่นง่ายขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งหมดนี้ทำให้ลิเวอร์พูลเห็นว่านี่ไม่ใช่แค่ “ผู้รักษาประตูฝีมือดี”แต่คือผู้รักษาประตูที่เปลี่ยนทีมได้ ดีลที่เปลี่ยนโครงสร้างลิเวอร์พูลทั้งระบบ วันที่ลิเวอร์พูลตัดสินใจทุ่มค่าตัวสถิติโลกในตำแหน่งผู้รักษาประตูหลายคนตั้งคำถาม แต่คำตอบอยู่ในสนามทันทีที่อลิสซอนยืนเฝ้าเสาแนวรับทั้งแผงยืนสูงขึ้นกล้าเพรสและกล้าเสี่ยงมากขึ้น เพราะพวกเขารู้ว่าด้านหลังมีคน “เอาอยู่จริง” ความนิ่ง: คุณสมบัติที่เงินซื้อไม่ได้ อลิสซอนแทบไม่แสดงอารมณ์ไม่ตื่นไม่โวยไม่หลุด ต่อให้โดนกดดันหนักแค่ไหนเขายังตัดสินใจได้ถูกต้อง นี่คือสิ่งที่ทำให้แฟนบอลดูเกมอย่างสบายใจ และในจังหวะที่เกมตึง ๆ แบบนี้เอง แฟนบอลจำนวนไม่น้อยก็เลือกเพิ่มอรรถรสในการชมเกมควบคู่กันไป

Sadio Mané – นักเตะที่ทำให้คำว่า “ทีมมาก่อน” มีตัวตน

Sadio Mané – นักเตะที่ทำให้คำว่า “ทีมมาก่อน” มีตัวตนจริงในสนาม คือเรื่องราวของนักฟุตบอลที่อาจไม่ได้เรียกร้องแสงสปอตไลต์มากที่สุด ไม่ได้ออกสื่อถี่ที่สุด แต่กลับเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้ลิเวอร์พูลก้าวขึ้นสู่ยุคแห่งความสำเร็จอย่างแท้จริง มาเน่คือภาพสะท้อนของนักเตะที่ยอมลดอีโก้ ยอมเสียสถิติส่วนตัว เพื่อให้ “ทีม” เดินไปข้างหน้า ⚽🔥 จากหมู่บ้านเล็กในเซเนกัล สู่เวทีฟุตบอลโลก ซาดิโอ มาเน่ เติบโตมาในประเทศที่ฟุตบอลไม่ใช่เส้นทางสู่ความสำเร็จที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเขาไม่ได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ได้มีระบบเยาวชนหรูหรา มีเพียงความฝันและความเชื่อว่าฟุตบอลสามารถเปลี่ยนชีวิตได้จริง การเดินทางออกจากบ้านเกิดตั้งแต่อายุยังน้อยหล่อหลอมให้มาเน่เป็นคนที่ Southampton: จุดที่พรีเมียร์ลีกเริ่มรู้จักชื่อ Sadio Mané ก่อนจะมาลิเวอร์พูลมาเน่สร้างชื่อกับเซาธ์แฮมป์ตัน ความเร็วการเคลื่อนที่โดยไม่มีบอลและการจบสกอร์ที่เฉียบคม ทำให้เขาแตกต่างจากปีกทั่วไปเขาไม่รอบอลแต่ “วิ่งหาพื้นที่” สถิติยิงแฮตทริกที่เร็วที่สุดในพรีเมียร์ลีกไม่ใช่เรื่องฟลุ๊กแต่มาจากการอ่านเกมที่เฉียบขาด ลิเวอร์พูล: เมื่อความเร็วกลายเป็นอาวุธของระบบ การย้ายมาลิเวอร์พูลคือการได้เจอกับระบบที่ “ใช่” ฟุตบอลของเจอร์เก้น คล็อปป์ต้องการนักเตะที่ มาเน่ไม่ต้องปรับตัวนานเพราะสไตล์นี้เหมือนถูกออกแบบมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ และในช่วงต้นของการเดินทางกับลิเวอร์พูล หลายแฟนบอลที่อินกับจังหวะเกมและโมเมนตัมการแข่งขัน ก็มักมองหาประสบการณ์เสริมควบคู่กันไป เช่น👉 สนใจเริ่มต้นเดิมพันออนไลน์กับเว็บตรง สมัคร UFABET

Trent Alexander-Arnold – ฟูลแบ็กที่เปลี่ยนตำแหน่งให้กลายเป็นเพลย์เมกเกอร์

Trent Alexander-Arnold – ฟูลแบ็กที่เปลี่ยนตำแหน่งให้กลายเป็นเพลย์เมกเกอร์ คือหนึ่งในนิยามสำคัญของฟุตบอลยุคใหม่ เมื่อคำว่า “แบ็กขวา” ไม่ได้หมายถึงแค่การยืนป้องกันริมเส้นอีกต่อไป แต่คือคนที่สามารถกำหนดทิศทางเกม สร้างสรรค์โอกาส และคุมจังหวะได้เหมือนมิดฟิลด์ตัวกลาง เทรนต์ไม่ได้แค่เล่นในตำแหน่งใหม่ แต่เขา “นิยามตำแหน่งนี้ขึ้นมาใหม่” อย่างแท้จริง ⚽🎯 เด็กท้องถิ่นจากอคาเดมี กับสมองฟุตบอลที่เกินวัย เทรนต์เติบโตจากอคาเดมีของลิเวอร์พูลไม่ใช่นักเตะที่ถูกคาดหวังว่าจะเป็นซูเปอร์สตาร์ตั้งแต่วันแรกแต่เป็นเด็กที่โค้ชเห็นบางอย่างตั้งแต่ยังไม่ดัง นั่นคือ ในขณะที่เด็กคนอื่นฝึกวิ่ง เติม และเข้าบอลเทรนต์ฝึกการมองเห็นพื้นที่ จากแบ็กธรรมดา สู่ตัวสร้างเกมหลักของทีม ช่วงแรกในทีมชุดใหญ่หลายคนยังมองว่าเทรนต์คือแบ็กที่ แต่สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่าง คือเขาไม่หยุดอยู่แค่นั้น เขาเรียนรู้เขาปรับตัวและเขา “คิดเกม” มากขึ้นทุกฤดูกาล จนวันหนึ่งลิเวอร์พูลไม่ได้ใช้เขาเป็นแค่แบ็กแต่ใช้เป็น จุดเริ่มเกมรุก ฟูลแบ็กที่มีสถิติเหมือนเพลย์เมกเกอร์ แอสซิสต์คีย์พาสโอกาสสร้างเกม ตัวเลขของเทรนต์ใกล้เคียงมิดฟิลด์ตัวรุกระดับท็อป เขาไม่ได้เปิดแบบหวังผลแต่เปิดแบบ “รู้ว่ากองหน้าจะวิ่งมา” นี่คือความเข้าใจเกมในระดับที่ไม่ต้องอาศัยความเร็วอย่างเดียวแต่ใช้ “สมองฟุตบอล” เป็นหลัก แท็กติกคล็อปป์ กับบทบาทที่ปลดล็อกศักยภาพ เจอร์เก้น คล็อปป์คือโค้ชที่กล้าเสี่ยงและกล้าให้โอกาส

Steven Gerrard – หัวใจสีแดงที่แบกทั้งสโมสรไว้บนบ่า

Steven Gerrard – หัวใจสีแดงที่แบกทั้งสโมสรไว้บนบ่า ไม่ใช่แค่นักฟุตบอลธรรมดา แต่คือสัญลักษณ์ของลิเวอร์พูลในยุคที่สโมสรยังไม่ได้สมบูรณ์แบบ ไม่ได้มีทีมที่พร้อมคว้าแชมป์ทุกปี แต่มี “กัปตันคนหนึ่ง” ที่ยืนอยู่ตรงกลางสนาม พร้อมแบกรับทุกอย่างแทนทีม ตั้งแต่ความหวัง แรงกดดัน ไปจนถึงความผิดหวังทั้งหมด ⚽❤️ ถ้าลิเวอร์พูลคือเรื่องราวสตีเวน เจอร์ราร์ด คือหัวใจของมัน เด็กท้องถิ่น กับความฝันที่ไม่มีทางเลือกอื่น เจอร์ราร์ดเกิดและโตในย่านเมอร์ซีย์ไซด์เขาไม่ได้ฝันอยากเล่นให้หลายทีมไม่ได้มองตัวเองเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลก เขาฝันแค่อย่างเดียวได้สวมเสื้อลิเวอร์พูล ตั้งแต่ก้าวเข้าสู่อคาเดมีเขารู้ดีว่าการเป็นเด็กท้องถิ่นหมายถึงความคาดหวังที่มากกว่าคนอื่น แต่แทนที่จะหนีเขาเลือก “รับมันไว้ทั้งหมด” จากดาวรุ่ง สู่กัปตันที่เร็วเกินวัย เจอร์ราร์ดไม่ได้เป็นนักเตะที่ต้องใช้เวลานานในการปรับตัวเขาโตเร็วแกร่งเร็วและเข้าใจเกมเร็ว พลัง ความดุดัน และความกล้าเล่นทำให้เขากลายเป็นแกนหลักของทีมตั้งแต่อายุยังน้อย เมื่อปลอกแขนกัปตันอยู่บนแขนเขามันไม่ใช่ตำแหน่งแต่มันคือ “ภารกิจ” กองกลางที่ทำได้ทุกอย่าง เพราะทีมต้องการทุกอย่าง เจอร์ราร์ดไม่เคยเป็นนักเตะที่เล่นตามตำราเป๊ะ ๆเขาเล่นตาม “สิ่งที่ทีมขาด” นี่ไม่ใช่กองกลางธรรมดาแต่คือคนที่ “เติมเต็มช่องโหว่ทั้งทีม” Istanbul 2005: เกมที่นิยามคำว่า Gerrard ถ้าจะมีเกมเดียวที่อธิบายตัวตนของเขาได้ทั้งหมดเกมนั้นคือ

Virgil van Dijk – ปราการหลังที่ทำให้ลิเวอร์พูลกล้าเล่นเกมรุก

Virgil van Dijk – ปราการหลังที่ทำให้ลิเวอร์พูลกล้าเล่นเกมรุก ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของกองหลังที่เก่งที่สุดคนหนึ่งในโลก แต่คือเรื่องของ “อิทธิพล” ที่นักเตะหนึ่งคนสามารถเปลี่ยนระดับของทั้งสโมสรได้อย่างแท้จริง ก่อนการมาถึงของฟาน ไดจ์ค ลิเวอร์พูลคือทีมเกมรุกเร้าใจ แต่เต็มไปด้วยคำถามในเกมรับ หลังจากเขาเดินเข้ามา ทุกอย่างนิ่งขึ้น มั่นคงขึ้น และคำว่า “ลุ้นแชมป์” กลายเป็นเรื่องปกติ 🛡️⚽ เส้นทางที่ไม่ถูกเร่ง แต่แข็งแรงกว่าที่คิด ฟาน ไดจ์คไม่ได้เกิดมาเป็นวันเดอร์คิดไม่ได้ถูกแย่งตัวตั้งแต่วัยรุ่นไม่ได้มีเส้นทางลัดสู่ทีมยักษ์ใหญ่ เขาเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปเรียนรู้ความผิดพลาดและสะสมประสบการณ์ทีละขั้น จากลีกเล็กสู่เวทีที่โหดขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งนี้เองที่ทำให้เขาไม่ตื่นสนามไม่ลนเกมใหญ่และไม่แตกภายใต้แรงกดดัน จาก Celtic สู่พรีเมียร์ลีก: การเติบโตของผู้นำแนวรับ กับเซลติก ฟาน ไดจ์คเริ่มแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่แค่กองหลังที่แข็งแรงแต่เป็นกองหลังที่ “คิดเป็น” เมื่อย้ายมาเซาธ์แฮมป์ตันพรีเมียร์ลีกพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้เก่งเพราะลีกอ่อนแต่เก่งเพราะมาตรฐานของตัวเอง แม้จะอยู่ในทีมกลางตารางชื่อของเขาก็ถูกพูดถึงในฐานะ “ของจริง” ดีลที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์ลิเวอร์พูล วันที่ลิเวอร์พูลตัดสินใจจ่ายค่าตัวมหาศาลเสียงวิจารณ์ดังขึ้นทันที “แพงเกินไปไหม?”“กองหลังคนเดียวเปลี่ยนทีมได้จริงหรือ?” คำตอบ…อยู่ในสนาม ตั้งแต่นัดแรกแนวรับของลิเวอร์พูลไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ความนิ่งที่ทำให้ทั้งทีมกล้าเล่น

Mohamed Salah – จากปีกที่ถูกมองข้าม สู่ราชาแอนฟิลด์

Mohamed Salah – จากปีกที่ถูกมองข้าม สู่ราชาแอนฟิลด์ คือเรื่องราวของนักเตะที่ไม่เคยได้เส้นทางลัด ไม่มีใครปูพรมแดงให้ตั้งแต่วันแรก แต่กลับสร้างตำนานด้วยสองขา วินัย และความกระหายที่ไม่เคยหมด ซาลาห์ไม่ได้เป็นแค่สตาร์ของลิเวอร์พูล แต่เป็นสัญลักษณ์ของคำว่า “พิสูจน์ด้วยผลงานล้วน ๆ” ⚽🔥 เด็กจากอียิปต์ กับความฝันที่ไกลกว่าสนามบ้านเกิด โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เติบโตในประเทศที่ฟุตบอลคือความหวังของผู้คน แต่โอกาสในเวทียุโรปสำหรับนักเตะอียิปต์แทบไม่มีใครมองเห็น เขาต้องเดินทางหลายชั่วโมงต่อวันเพื่อไปซ้อม ต้องยอมทิ้งความสบาย และต้องอดทนกับคำสบประมาทตั้งแต่ยังไม่เป็นที่รู้จัก เขาไม่ได้ถูกมองว่าเป็น “วันเดอร์คิด”ไม่ได้มีเอเจนต์ระดับโลกคอยดันมีแค่ความเชื่อว่า ถ้าเก่งพอ วันหนึ่งโลกจะเห็นเอง บาเซิล: ก้าวแรกของการพิสูจน์ในยุโรป การย้ายไปบาเซิล คือก้าวแรกที่โหดพอสมควรภาษาใหม่วัฒนธรรมใหม่ฟุตบอลที่เร็วและหนักกว่าเดิม แต่ซาลาห์เลือกเงียบ แล้วปล่อยให้เกมพูดแทนความเร็วการสอดเข้าในกรอบและความกล้าเล่นหนึ่งต่อหนึ่ง เขาเริ่มเป็นที่จับตามองในเกมยุโรปและชื่อของเขาก็เริ่มหลุดออกจากกรอบคำว่า “นักเตะจากประเทศเล็ก” เชลซี: บทเรียนราคาแพงของนักเตะดาวรุ่ง หลายคนอาจลืมไปว่า ซาลาห์เคย “ไม่รอด” ในพรีเมียร์ลีกกับเชลซี เขาแทบไม่ได้โอกาสนั่งสำรองเล่นแบบไม่ต่อเนื่อง สำหรับนักเตะบางคน นี่คือจุดจบแต่สำหรับซาลาห์

บรูโน่ เฟอร์นันเดส: หัวใจเกมรุกที่ยังแบกทีมไว้ทั้งฤดูกาล

บรูโน่ เฟอร์นันเดส: หัวใจเกมรุกที่ยังแบกทีมไว้ทั้งฤดูกาล ไม่ได้เป็นแค่ประโยคที่แฟนแมนยูใช้แซวกันแบบขำ ๆ แต่มันคือคำอธิบายตรงที่สุดของสภาพทีมในหลายช่วงที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่เขาเดินเข้าประตูโอลด์แทรฟฟอร์ดจนถึงวันนี้ เขาคือผู้เล่นที่ไม่เพียงเข้ามาเติมเต็ม แต่เข้ามาเปลี่ยนวิธีที่ทีมทั้งทีมคิดเกี่ยวกับเกมรุก โดยเฉพาะในช่วงที่ทีมฟอร์มแกว่ง เขากลายเป็นตัวปิดรอยรั่ว ตัวเร่งเกม ตัวสร้างสรรค์ และตัวดึงจังหวะไปพร้อมกันอย่างไม่เกี่ยงงาน ความจริงคือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในหลายฤดูกาลหลังไม่ได้มีความต่อเนื่องที่ดีพอ แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนอยู่แบบคงเส้นคงวา คือความพยายามไม่หยุดของผู้เล่นคนนี้ เขาวิ่งไม่มีหมด แสดงความเป็นผู้นำโดยไม่ต้องมีกล้องจับตลอดเวลา และแบกรับเกมรุกแบบทั้งระบบจนหลายครั้งรู้สึกว่า ถ้าถอดเขาออกไป 20 นาที เกมอาจเปลี่ยนเป็นคนละเรื่องทันที และก่อนจะลงลึกถึงเหตุผลที่เขายังเป็นแกนหลักของทีมในทุกสภาพการณ์ คนจำนวนมากในยุคนี้ก็กำลังมองหาทางเลือกใหม่ที่เริ่มได้ทันที ไม่ต้องรอเวลานาน เหมือนแนวคิดที่หลายคนใช้เวลาหาเส้นทางเริ่มต้นอะไรสักอย่างที่ชัดเจน เช่นสนใจเริ่มต้นเดิมพันออนไลน์กับเว็บตรง สมัคร UFABET วันนี้ รับสิทธิพิเศษมากมาย ทั้งโบนัสแรกเข้าและระบบฝากถอนออโต้ รวดเร็ว ปลอดภัย 100% ⚽ บทบาทของเขาในเกมใหญ่ ๆ คือของจริง บางคนบอกว่าบรูโน่โดดเด่นเวลาเจอทีมเล็ก แต่ถูกรวบเมื่อเจอทีมใหญ่ ซึ่งจริงแค่ครึ่งเดียว

เอริคเซ่น ยินดีที่ ราสมุส ฮอยลุนด์ กลับมาเล่นด้วยความสุขอีกครั้ง

คริสเตียน เอริคเซ่น มิดฟิลด์จอมเทคนิคทีมชาติเดนมาร์ก ออกมาเปิดเผยความรู้สึกอย่างจริงใจว่าเขารู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็น ราสมุส ฮอยลุนด์ เพื่อนร่วมทีมชาติและเพื่อนร่วมสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาเล่นฟุตบอลด้วยรอยยิ้มและความมั่นใจอีกครั้ง หลังจากที่กองหน้าวัย 21 ปีรายนี้เคยต้องเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากในช่วงต้นฤดูกาล ทั้งจากอาการบาดเจ็บและแรงกดดันจากความคาดหวังของแฟนบอล เอริคเซ่น กล่าวว่า การเห็นฮอยลุนด์กลับมาทำประตูได้ต่อเนื่องในช่วงหลัง ทั้งในเกมพรีเมียร์ลีกและทีมชาติ เป็นสิ่งที่สร้างความยินดีให้กับทุกคนในแคมป์เดนมาร์ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะเพื่อนร่วมทีม เขายกย่องว่า ฮอยลุนด์ไม่เพียงแค่เป็นดาวยิงที่มีพรสวรรค์สูงเท่านั้น แต่ยังเป็นคนหนุ่มที่มีจิตใจแข็งแกร่งและพร้อมเรียนรู้ในทุกช่วงเวลา “ผมเห็นรอยยิ้มของเขาอีกครั้ง และนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผม” เอริคเซ่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อเขามีความสุข เขาก็จะเล่นได้ดีที่สุด เขาคือคนที่ทุ่มเทเต็มที่เพื่อทีมเสมอ และตอนนี้ผมคิดว่าเขากำลังอยู่ในช่วงที่ดีที่สุดของตัวเองอีกครั้ง” ฮอยลุนด์เคยถูกตั้งคำถามจากสื่อและแฟนบอลในช่วงต้นฤดูกาล เมื่อเขาไม่สามารถทำประตูได้ในหลายเกมติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก ทั้งที่สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงทุนมหาศาลกว่า 72 ล้านปอนด์เพื่อดึงตัวเขามาจากอตาลันต้าในช่วงซัมเมอร์ปี 2023 แต่สำหรับเอริคเซ่นแล้ว เขาเชื่อเสมอว่าเพื่อนรุ่นน้องของเขาจะสามารถกลับมายืนหยัดได้ “มันเป็นเรื่องปกติของนักเตะหนุ่มที่ย้ายมาสู่สโมสรใหญ่ เขาต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับระบบ การเล่น และแรงกดดันจากแฟนบอล ผมเห็นเขาทำงานหนักทุกวันในการซ้อม และมันไม่นานเลยที่เขาจะเริ่มแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตัวเอง”

เอฟเวอร์ตัน สนใจดึง แคลวิน ฟิลลิปส์

เอฟเวอร์ตัน สโมสรดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตกเป็นข่าวว่ากำลังให้ความสนใจคว้าตัว แคลวิน ฟิลลิปส์ กองกลางทีมชาติอังกฤษของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาร่วมทีมในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะรอบหน้า หลังจากนักเตะตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากกับต้นสังกัดและแทบไม่ได้รับโอกาสลงสนามภายใต้การคุมทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า โดยเชื่อว่าการย้ายทีมครั้งนี้อาจเป็นทางออกที่ดีทั้งสำหรับนักเตะและสโมสร ฟิลลิปส์ วัย 28 ปี ย้ายจากลีดส์ ยูไนเต็ด มาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวราว 45 ล้านปอนด์เมื่อปี 2022 ด้วยความคาดหวังว่าจะกลายเป็นตัวหลักในแดนกลางของทีมแชมป์พรีเมียร์ลีก อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ย้ายมาสวมเสื้อสีฟ้าแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ เขากลับไม่สามารถสอดแทรกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเล่นได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากต้องเผชิญกับทั้งอาการบาดเจ็บและการแข่งขันภายในทีมที่เข้มข้น โดยเฉพาะตำแหน่งกองกลางที่มีนักเตะระดับโลกอย่างโรดรี้, เควิน เดอ บรอยน์ และมาเตโอ โควาซิช จับจองอยู่ รายงานจากสื่ออังกฤษหลายสำนักระบุว่า เอฟเวอร์ตันกำลังพิจารณายื่นข้อเสนอเพื่อดึงฟิลลิปส์มาร่วมทีมในรูปแบบสัญญายืมตัวพร้อมออปชันซื้อขาดในช่วงซัมเมอร์หน้า เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในแดนกลาง หลังจากที่ทีมของฌอน ไดช์ ต้องเผชิญปัญหาขาดผู้เล่นตัวคุมเกมที่มีประสบการณ์และความนิ่งในการคุมจังหวะของทีม ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดอ่อนสำคัญของเอฟเวอร์ตันในฤดูกาลนี้ ฟิลลิปส์ถือเป็นนักเตะที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามสไตล์ของผู้จัดการทีมอย่างไดช์ ด้วยความแข็งแกร่งทางร่างกาย